Print

จรรยาบรรณนักวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ

 

          นักวิจัย หมายถึง ผู้ที่ดำเนินการค้นคว้าหาความรู้อย่างเป็ นระบบ เพื่อตอบประเด็นที่สงสัย โดย มีระเบียบวิธีอันเป็ นที่ยอมรับในแต่ละศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งครอบคลุมทั้ งแนวคิด มโนทัศน์ และวิธีการที่ใช้ ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

 

          จรรยาบรรณ หมายถึง หลักความประพฤติอันเหมาะสมแสดงถึงคุณธรรมและจริยธรรมใน การประกอบอาชีพ ที่กลุ่มบุคคลแต่ละสาขาชีพประมวลขึ้ นไว้เป็ นหลัก เพื่อให้สมาชิกในสาขาวิชาชีพนั้ นๆ ยึดถือปฏิบัติ เพื่อรักษาชื่ อเสียงและส่งเสริมเกียรติคุณของสาขาวิชาชีพของตน

 

          จรรยาบรรณนักวิจัย หมายถึง หลักเกณฑ์ควรประพฤติปฏิบัติของนักวิจัยทั่วไป เพื่อให้การ ดำเนินงานวิจัยตั้งอยู่บนพื้นฐานของจริยธรรมและหลักวิชาการที่เหมาะสม ตลอดจนประกันมาตรฐาน ของการศึกษาค้นคว้าให้เป็นไปอย่างสามศักดิศรีและเกียรติภูมิของนักวิจัย

 

จรรยาบรรณนักวิจัย : แนวทางปฏิบัติ

 

ข้อ 1   นักวิจัยต้องซื่อสัตย์และมีคุณธรรมในทางวิชาการและการจัดการ

          นักวิจัยต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองไม่นำผลงานของผู้อื่นมาเป็ นของตนไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่น ต้องให้เกียรติและอ้างถึงบุคคลหรือแหล่งที่มาของข้อมูลที่นำมาใช้ในงานวิจัย ต้องซื่อตรงต่อการแสวงหาทุน วิจัยและมีความเป็ นธรรมเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่ได้จากการวิจัย
 
ข้อ 2   นักวิจัยต้องตระหนักถึงพันธกรณีในการทำวิจัยตามข้อตกลงที่ทำไว้กับหน่วยงานที่สนับสนุนการวิจัยและต่อหน่วยงาน
           ที่ตนสังกัด 
    1. นักวิจัยต้องปฏิบัติตามพันธกรณีและข้อตกลงการวิจัยที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันอุทิศเวลาทำงานวิจัยให้ได้ผลดีที่สุดและเป็ นไปตามกำหนดเวลา มีความรับผิดชอบไม่ละทิ้งงานระหว่างดำเนินการ
    2. นักวิจัยต้องตระหนักถึงพันธกรณีในการทำวิจัย นักวิจัยต้องศึกษาเงื่อนไข และกฎเกณฑ์ของเจ้าของทุนอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อป้องกัน ความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ระเบียบและกฎเกณฑ์ตามข้อตกลงอย่างครบถ้วน
    3. นักวิจัยต้องอุทิศเวลาทำงานวิจัย ต้องทุ่มเทความรู้ ความสามารถและเวลาให้กับการทำงานวิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่ง ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพและเป็ นประโยชน์
    4. นักวิจัยต้องมีความรับผิดชอบในการทำวิจัยไม่ละทิ้งงานโดยไม่มีเหตุผลอันควรและส่งงานตามกำหนดเวลา ไม่ทำผิดสัญญาข้อตกลงจนก่อให้เกิดความเสียหาย มีความรับผิดชอบในการจัดทำรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์เพื่อให้ผลอันเกิดจากการวิจัยได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
ข้อ 3   นักวิจัยต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัย
           นักวิจัยต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัยอย่างเพียงพอและมีความรู้ความชำนาญหรือมีประสบการณ์ เกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่ทำวิจัย เพื่อนำไปสู่งานวิจัยที่มีคุณภาพ และเพื่อป้องกันปัญหาการวิเคราะห์ การตีความหรือการสรุปที่ผิดพลาดอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่องานวิจัย
            3.1 นักวิจัยต้องมีพื้นฐานความรู ้ ความชำนาญหรือประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่ทำวิจัยอย่างเพียงพอเพื่อนำไปสู่งานวิจัยที่มีคุณภาพ
            3.2 นักวิจัยต้องรักษามาตรฐานและคุณภาพของงานวิจัยในสาขาวิชาการนั้นๆ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อวงการวิชาการ
 
ข้อ 4   นักวิจัยต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัยไม่ว่าเป็นสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต
           นักวิจัยต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบระมัดระวังและเที่ยงตรงในการทำวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคน สัตว์ พืช ศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม มีจิตสำนึกและปณิธานที่จะอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

            4.1 การใช้คนหรือสัตว์เป็ นตัวอย่างทดลอง ต้องทำในกรณีที่ไม่มีทางเลือกอื่นเท่านั้น

            4.2 นักวิจัยต้องดำเนินการวิจัยโดยมีจิตสำนึกที่จะไม่ก่อความเสียหายต่อคน สัตว์ พืช ศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

            4.3 นักวิจัยต้องมีความรับผิดชอบต่อผลที่จะเกิดแก่ตนเอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาและสังคม

 

ข้อ 5   นักวิจัยต้องเคารพศักดิศรีและสิทธิของมนุษย์ที่ใช้เป็นตัวอย่างในการวิจัย

          นักวิจัยต้องไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ทางวิชาการจนละเลย และขาดความเคารพในศักดิศรีของเพื่อนมนุษย์ต้องถือเป็ นภาระหน้าที่ที่จะอธิบายจุดมุ่งหมายของการวิจัยแก่บุคคลที่เป็ นกลุ่มตัวอย่าง โดยไม่ หลอกลวงหรือบีบบังคับ และไม่ละเมิดสิทธส่วนบุคคล

           5.1 นักวิจัยต้องมีความเคารพในสิทธิของมนุษย์ที่ใช้ในการทดลองโดยต้องได้รับความยินยอมก่อนทำการวิจัย

           5.2 นักวิจัยต้องปฏิบัติต่อมนุษย์และสัตว์ที่ใช้ในการทดลองด้วยความเมตตา ไม่คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ทาง วิชาการจนเกิดความเสียหายที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง

            5.3 นักวิจัยต้องดูแลปกป้ องสิทธิประโยชน์และรักษาความลับของกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลอง

 

ข้อ 6   นักวิจัยต้องมีอิสระทางความคิด โดยปราศจากอคติในทุกขั้นตอนของการทำวิจัย

           นักวิจัยต้องมีอิสระทางความคิด ต้องตระหนักว่าอคติส่วนตนหรือความลำเอียงทางวิชาการอาจส่งผลให้มีการบิดเบือนข้อมูลและข้อค้นพบทางวิชาการ อันเป็ นเหตุให้เกิดผลเสียหายต่องานวิจัย

           6.1 นักวิจัยต้องมีอิสระทางความคิด ไม่ทำงานวิจัยด้วยความเกรงใจ

           6.2 นักวิจัยต้องปฏิบัติงานวิจัยโดยใช้หลักวิชาการเป็ นเกณฑ์และไม่มีอคติมาเกี่ยวข้อง

           6.3 นักวิจัยต้องเสนอผลงานวิจัยตามความเป็ นจริง ไม่จงใจเบี่ยงเบนผลการวิจัย โดยหวังผลประโยชน์ส่วน ตน หรือต้องการสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น   

 

ข้อ 7  กวิจัยพึงนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางที่ชอบ

         นักวิจัยพึงเผยแพร่ผลงานวิจัยเพื่อประโยชน์ทางวิชาการและสังคมไม่ขยายผลข้อค้นพบจนเกิดความ เป็นจริง และไม่ใช้ผลงานวิจัยไปในทางมิชอบ

          7.1 นักวิจัยพึงมีความรับผิดชอบและรอบคอบในการเผยแพร่ผลงานวิจัย

          7.2 นักวิจัยพึงเผยแพร่ผลงานวิจัยโดยคำนึงถึงประโยชน์ทางวิชาการและสังคม ไม่เผยแพร่ผลงานวิจัยเกินความเป็นจริงโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง

          7.3 นักวิจัยพึงเสนอผลงานวิจัยตามความเป็ นจริงไม่ขยายผลข้อค้นพบโดยปราศจากการตรวจสอบ ยืนยัน ในทางวิชาการ

 

ข้อ 8  นักวิจัยพึงเคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู ้อื่น

          นักวิจัยพึงมีใจกว้าง พร้อมที่จะเปิ ดเผยข้อมูลและขั้นตอนการวิจัยยอมรับฟังความคิดเห็นและ เหตุผลทางวิชาการของผู้อื่น และพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขงานวิจัยของตนให้ถูกต้อง

           8.1 นักวิจัยพึงมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างความเข้าใจในงานวิจัยกับเพื่อนร่วมงานและนักวิชาการอื่นๆ

           8.2 นักวิจัยพึงยอมรับฟัง แก้ไขการทำวิจัยและการเสนอผลงานวิจัยตามข้อแนะนำที่ดี เพื่อสร้างความรู้ที่ถูกต้องและสามารถนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้

 

ข้อ 9  นักวิจัยพึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ

          นักวิจัยมีจิตสำนึกที่จะอุทิศกำลังสติปัญญาในการทำวิจัย เพื่อความก้าวหน้าทางวิชาการ เพื่อความ เจริญและประโยชน์สุขของสังคมและมวลมนุษยชาติ

          9.1 นักวิจัยพึงไตร่ตรองหาหัวข้อการวิจัยด้วยความรอบคอบและทำการวิจัยด้วยจิตสำนึกที่จะอุทิศกำลังปัญญาของตนเพื่อความก้าวหน้าทางวิชาการ เพื่อความเจริญของสถาบันและประโยชน์สุขต่อสังคม

          9.2 นักวิจัยพึงรับผิดชอบในการสร้างสรรค์ผลงานวิชาการเพื่อความเจริญของสังคม ไม่ทำการวิจัยที่ขัดกับ กฎหมาย ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน

          9.3 นักวิจัยพึงพัฒนาบทบาทของตนให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้นและอุทิศเวลา นํ ้าใจ กระทำการส่งเสริมพัฒนาความรู้จิตใจ พฤติกรรมของนักวิจัยรุ่นใหม่ให้มีส่วนสร้างสรรค์ความรู้แก่สังคมสืบไป

         โครงการวิจัยพึงดำเนินการภายในกรอบแห่งจรรยาบรรณการวิจัยตามข้อเสนอแนะของมหาวิทยาลัยและนักวิจัยพึงปฏิบัติในกรอบตามจรรยาบรรณนักวิจัยที่เสนอแนะโดยสภาวิจัยแห่งชาติที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนของการวิจัยตั้งแต่การวางโครงร่างวิจัย การเสนอขอรับการสนับสนุน ไปจนถึงเมื่อได้ผลผลิต และการนำไปเผยแพร่

  1. นักวิจัยมีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรมทั้งด้านวิชาการและการจัดการโดยไม่ลอกเลียนผลงานของผู้อื่น และการให้เกียรติกับการแบ่งปันผลประโยชน์ทุกรูปแบบตามบทบาท หน้าที่ความรับผิดชอบ และความเป็นเจ้าของผลงานอย่างเป็นธรรม

  2. นักวิจัยพึงตระหนักถึงพันธกรณีตามที่ได้มีข้อตกลงไว้สำหรับการวิจัยในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนไม่ว่าจากหน่วยงานใดในอันที่จะดำเนินการให้สำเร็จลุล่วง

  3. มีอิสระในด้านความคิดโดยปราศจากอคติ ความลำเอียงตั้งแต่การเริ่มวางแผนโครงการ การเก็บข้อมูลการวิเคราะห์ และการแปลผล ตลอดไปจนถึงการเปิดเผยผลการวิจัยต่อสาธารณะเท่าที่ทำได้ตามกฎหมายและข้อตกลงกับผู้ให้ทุนวิจัย

             

          จรรยาบรรณนักวิจัย  หมายถึง  หลักเกณฑ์ควรประพฤติปฏิบัติของนักวิจัยทั่วไป เพื่อดำเนินงานวิจัยตั้งอยู่บนพื้นฐานของจริยธรรมและหลักวิชาการที่เหมาะสม ตลอดจนประกันมาตรฐานของการศึกษาค้นคว้าให้เป็นไปอย่างสมศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของนักวิจัย ดังนี้

 

  1. นักวิจัยต้องซื่อสัตย์และมีคุณธรรมในทางวิชาการและการจัดการ

  2. นักวิจัยต้องตระหนักถึงพันธกรณีในการทำวิจัยตามข้อตกลงที่ทำไว้กับหน่วยงานที่สนับสนุนการวิจัยและต่อหน่วยงานที่ตนสังกัด

  3. นักวิจัยต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัย

  4. นักวิจัยต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต

  5. นักวิจัยต้องเคารพศักดิ์ศรี และสิทธิของมนุษย์ที่ใช้เป็นตัวอย่างในการวิจัย

  6. นักวิจัยต้องมีอิสระทางความคิด โดยปราศจากอคติในทุกขั้นตอนของการทำวิจัย

  7. นักวิจัยพึงนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางที่ชอบ

  8. นักวิจัยพึงเคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู้อื่น

  9. นักวิจัยพึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ